VISIT LAOS
Thursday, November 20, 2008
Tad Fan waterfall - Coffee Land น้ำตกตาดฟาน - ที่ราบสูงบอระเวน
“ สบายดีบ่” เสียง ทักทายที่นักท่องเที่ยวมักจะได้ยินเสมอเมื่อมาเยือนประเทศลาว ต้นเสียงมาจากหนุ่มลาวเจ้าของรถตู้และทำหน้าที่สารถีขับพาพวกเราเที่ยวตลอด ทริป รถตู้มารอรับพวกเราหลังจากที่เดินข้ามด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี ผ่านมายังด่านวังเต่าของประเทศลาว (ลาวใต้) ซึ่งลาวใต้มีอาณาเขตติดกับประเทศเวียดนาม กัมพูชา และไทย หลังจากนั้น รถตู้ก็พาพวกเราเข้าเขตประเทศลาวผ่านเมือง “ปากเซ” เมืองใหญ่ในแขวงจำปาสักและเป็นเมืองศูนย์กลางของลาวใต้จึงคับคั่งไปด้วยผู้คนและรถสามล้อเครื่องหรือ “รถสะกายแลป” ที่ชาวลาวเรียกกัน พอออกพ้นนอกเมืองไปไม่ไกลก็เห็นแต่สีเขียวตลอดสองข้างทางเพราะมีป่าละเมาะ และทุ่งนาสลับกันเป็นระยะๆ พวกเราประทับใจกับภาพท้องทุ่งนาชนบท ห้วยหนอง คลองบึงที่ยังปลิ่มน้ำ โดยเฉพาะนาข้าวสีเหลืองที่รอการเก็บเกี่ยว หรือที่เรียกว่า “ทุ่งรวงทอง” เป็นภาพที่หาดูได้ยากเหลือเกินในปัจจุบัน บางช่วงพบเห็นรวงข้าวสีดำสลับกับรวงข้าวสีทองคาดว่าน่าจะเป็นพันธุ์ข้าวเหนียวดำ
โปรแกรมเที่ยวลาวใต้ในวันแรกของพวกเราเริ่มที่อุทยานบาเจียง หรือ ที่รู้จักกันในนาม น้ำตกตาดผาส้วม (ภาษาลาวใช้ ว่า ผาส่วม) จึงเกิดคำถามขึ้นในรถตู้ว่า ส้วม เกี่ยวอะไรด้วย? ร้อนถึง “นายบูน”คนขับรถชาวลาวต้องเฉลยให้ฟังว่า คำว่า “ส่วม หรือ ส้วม ” นั้น แปลว่า “ห้อง” ส่วนคำว่า “ตาด” แปลว่า “น้ำตก” หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องขำขันจากความหมายของคำศัพท์ในภาษาลาวมาบ้างแล้ว ส่วน ที่ไปที่มาของน้ำตกนี้มีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่คนไทยที่เข้ามาลงทุนทำรีสอร์ตและร้านอาหารที่นี้ มองเห็นว่าน้ำตกเดิมไม่ได้มีสภาพสวยงามแบบที่เห็นในปัจจุบัน จึงได้นำหินที่ระเกะระกะในบริเวณนั้นมากั้นเป็นผนังให้น้ำตกไหลลงได้สะดวก และสวยขึ้นกว่าแต่ก่อน เพื่อให้เป็นร่องน้ำ จึงเป็นที่มาของคำว่า “น้ำตกตาดผาส่วม” หรือ “น้ำตกตาดผาส้วม” นั่น เอง ในบริเวณริมน้ำตกเป็นที่ตั้งของร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์พื้นเมือง และเป็นที่ๆ พวกเรารับประทานอาหารมื้อแรกในลาวใต้ แม้ว่าแม่ครัวชาวลาวปรุงรสได้อร่อยและถูกปากพวกเรามากใกล้เคียงกับรสชาติ ไทยๆ แต่ราคาค่อนข้างสูงทีเดียวเมื่อต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเป็นแสนกีบ(สกุลเงิน ของลาว) นับกันเมื่อยมือเลย หรือ จะเลือกเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ก็ได้สนนราคาที่คนละ 50,000 กีบ(180 บาท) แถมนั่งกินข้าวไปฟังเสียงน้ำตกไปด้วย หลังจากอิ่มหนำทั้งท้องและตาแล้วทางผู้จัดการร้านใจดีได้ให้พนักงานมาพาพวก เราเดินเที่ยวชมพร้อมทั้งอธิบายสิ่งต่างๆ บริเวณรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกมะงาว บ้านพักต้นไม้ และหมู่บ้านรวมชนเผ่าต่างๆ เช่น เผ่าอาว เผ่าอารัก เผ่ากระตู ฯลฯ แต่ผ้าทอจากอัตตะปือดูจะกลายเป็นสิ่งที่เรียกความสนใจจากบรรดาสาวๆ ได้มากทีเดียวด้วยสีสันอันสดใสและลวดลายที่แปลกตา
ถัดมารถตู้พาพวกเรามุ่งหน้าสู่ที่ราบสูง “บอระเวน” ถิ่น ปลูกกาแฟที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นสองข้างทางจึงกลายเป็นไร่กาแฟโอ้อวดสีแดงสลับเขียวของเมล็ดกาแฟ ได้ยินว่าบริเวณนี้มีพื้นที่ปลูกกาแฟนับแสนๆ ไร่ ทั้งไร่กาแฟของบริษัทดาวเรือง (บริษัทกาแฟรายใหญ่) และของชาวบ้านทั่วไป ซึ่งกินผืนป่าเมืองปากเซไปไม่น้อย ประกอบกับดินที่นี่เป็นดินภูเขาไฟจึงเหมาะสมต่อการปลูกพวกชา และกาแฟที่สุด รถตู้เข้ามาหยุดในบริเวณ “ตาดฟานรีสอร์ท” ซึ่ง พวกเราจะเข้าพักคืนแรกในลาวใต้ การที่ตาดฟานรีสอร์ทตั้งอยู่บนที่ราบสูงบอระเวนแห่งนี้เอง อากาศจึงหนาวเย็นและอยู่ใต้ม่านหมอกตลอดทั้งปี มี “น้ำตกตาดฟาน” ทิ้ง ตัวเป็นผืนยาวสองสายพุ่งลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง มีสายลมพัดพาสายหมอกคลุมปิดบังทิวเขาเบื้องหน้าและหุบเหวเบื้องล่างเป็น ระลอกๆ โดยเฉพาะยามที่แสงแดดส่องทะลุผ่านม่านหมอกอวดผืนป่าและยอดเขาสลับซับซ้อน บรรยากาศภายในรีสอร์ทที่พวกเราพักช่างงามเกินที่จะบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ ต้องมาสัมผัสด้วยตนเองเท่านั้น
พูดถึงน้ำตกตาดฟาน เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อของลาวใต้ที่สามารถอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวชมได้ไม่น้อย หน้าใคร นอกเหนือไปจากน้ำตกคอนพะเพ็งที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ และพวกเราจะแวะไปในวันพรุ่งนี้ ด้วยความสูงของน้ำตกกว่า 120 เมตร น้ำตกจะไหลแยกจากที่สูงออกมาเป็นสองสายคู่กัน ซึ่งเป็นลักษณะที่หาดูได้ยากมาก สายน้ำสองสายดังกล่าวจะทะลุออกมาจากหน้าผากลางหุบเขาแล้วตกลงไปในเหวลึก เบื้องหน้ากระทบกับหินเบื้องล่างส่งให้เกิดละอองและหมอกลอยสวนขึ้นมาตลอด เวลา คิดว่าถ้าหลายคนได้ไปเห็นต่างก็ต้องทึ่งและไม่คิดว่าประเทศลาวจะมีน้ำตกที่ สวยงามเพียงนี้ จากหน้าห้องพักของพวกเรายังสามารถมองเห็นน้ำตกอีกสายหนึ่งมีชื่อว่า ตาดเยือง พวกเรามีแผนที่จะไปแวะชมวันพรุ่งนี้เหมือนกัน เรือนนอนแฝด 6 หลังถูกสร้างขนานไปตามแนวหุบเขาจึงเหมาะที่จะนั่งชมบรรยากาศที่ชานนอกห้อง มองน้ำตกและผืนป่าได้ไม่รู้เบื่อทีเดียว ส่วนเรือนอเนกประสงค์ 2 ชั้นของรีสอร์ทก็ตกแต่งอย่างมีรสนิยมชั้นเลิศไม่แพ้กัน พวกเราเลือกที่จะนั่งชั้นบนเพื่อที่จะได้นั่งชมธรรมชาติอย่างเต็มที่ระหว่าง รอรับประทานอาหารเย็น มองดูภายในชั้นบนบริเวณใกล้ๆ กับเคาเตอร์มีกระบะวางท่อนฟืนไว้ สำหรับจุดผิงไฟยามอากาศหนาว พวกเราคงจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดแล้วสำหรับคืนนี้ เพราะเท่าที่เห็นจะมีคนไทยอีกกลุ่ม 5 คน และฝรั่งอีก 2 คู่ เท่านั้นเอง จึงพยายามลดเสียงลงไม่ให้ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่นานนักอาหารจำพวกปลาและผักสดก็ถูกยกออกมาเสริฟ ก่อนหน้านี้พวกเราผลัดกันกลับเรือนพักไปเอาเสื้อหนาวมาใส่กันเรียบร้อยแล้ว เพราะอากาศที่เย็นลง ทำให้ข้าวสวยร้อนๆ อร่อยขึ้นเป็นกองเลย
ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นในตอนเช้า ออกมายืนมองสายหมอกลอยผ่านไปมาที่หุบเขาเบื้องหน้าจนเต็มอิ่ม ก่อนที่จะเดินไปหากาแฟร้อนๆ จิบแก้หนาวที่อาคารอเนกประสงค์พร้อมหนังสือสักเล่มที่เพิ่งจะซื้อติดมือมา จากงานสัปดาห์หนังสือที่กรุงเทพไปอ่านด้วย เลือกนั่งตรงมุมหนึ่งที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเป็นตำแหน่งหนึ่งที่มองเห็น น้ำตกได้ชัดเจน กาแฟลาวร้อนๆ ในถ้วยกาแฟที่เขียนตาดฟานถูกยกมาพร้อมกับแพนเค้กกล้วยหอมและน้ำผึ้งวางลง เบื้องหน้าจนต้องละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่ เคยมีคนบอกว่า กาแฟลาวถ้าจะดื่มให้อร่อยไม่ต้องใส่น้ำตาลแต่ใส่นมข้นหวานแทน เมื่อลองดื่มแล้วขอรับประกันความหอมและมันถึงใจจริงๆ ส่วนถ้าใครชอบมุมสงบๆ สำหรับการพักผ่อนและอ่านหนังสือผมขอแนะนำตาดฟานเลยครับ
ออกจากตาดฟานรีสอร์ทเราจะผ่านตลาดขายของพื้นเมืองที่ชาวบ้านนำกาแฟ ใบชา หรือแม้แต่กล้วยไม้ป่ามาวางขายกันอย่างครึกครื้น ส่วนราคาคงต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการต่อรองเอาเองนะครับ จากถนนใหญ่เลี้ยวขวาไปไม่ไกลจะมองเห็นป้ายบอกทางไปน้ำตกตาดเยือง ที่พวกเรามองเห็นจากหน้าเรือนพัก ชั้นบนของน้ำตกถูกจัดให้เป็นสวนสาธารณะ มีศาลาและสะพานข้ามลำธารที่ใสเย็น ส่วนเลยลงไปเป็นน้ำตกสูงประมาณ 60 เมตร ก่อนที่จะไหลต่อไปลงในหุบเหวลึก ออกจากตาดเยืองรถตู้พาพวกเราวกกลับไปหาเส้นทางหลวงหมายเลข 13 เพื่อมุ่งหน้าลงใต้ เพื่อไปพบกับความยิ่งใหญ่ที่เลื่องลือกันของน้ำตกคอนพะเพ็ง แห่งดินแดนสี่พันดอน...ลาวใต้แห่งนี้
Labels:
Laos Trip,
Travel to Laos
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment