VISIT LAOS

Thursday, March 6, 2008

Wow ..Luang Pra Bang หลวงพระบางแดนมรดกโลก


เรื่อง ลาวของสี่หนุ่มที่เดินทางเข้าไปถึงหลวงพระบางไม่มีอะไรมากมาย เริ่มต้นที่เข้าลาวทางสะพานข้าม ไทย-ลาว ที่ด่านเมืองหนองคาย และต่อรถบัสเสมือนปรับอากาศอีกเกือบสิบชั่วโมงจนก้นแข็งเลย ที่บอกว่าเสมือนปรับอากาศเพราะเขาเปิดแอร์แค่สิบนาทีแรกและก่อนถึงเท่านั้น นอกนั้นปิดรับประทานครับ ราคาตั๋วหรือปี้อยู่ที่แสนกีบหรือประมาณไม่เกินสี่ร้อยบาท สำหรับอีกสามหนุ่มคงจะตื่นเต้นแต่เส้นทางนี้ผมผ่านมาไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว จนหลับตานึกได้เลยรู้ว่ามีอะไรเที่ยวตรงไหนบ้าง หรือมีที่กิน
ตรงไหนไม่ว่า จะร้านขายเนื้อหมาย่างแถวๆ ชานเมืองเวียงจันทน์ หรือร้านขายปลาส้มก่อนถึงวังเวียง ลืมบอกไปว่าเดี๋ยวนี้รถบัสมีเกือบทุกชั่วโมงแล้วไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีรถหรือเปล่า ได้แต่นั่งตั้งตารอออออ...
จุดแวะพักก็ยังที่เดิมคือเมืองกาสี นำเสนอเฝ๋อร้อนๆ ยังดีที่หนุ่มๆ กินกันได้อย่างเอร็ดอร่อยแถมตื่นตาตื่นใจกับลูกสาวเจ้าของร้านด้วยนี่สิ เกือบจะไม่ได้เดินทางต่อแล้ว รถบัสพาเรามาแวะซื้อปลาส้มที่หมู่บ้านริมอ่างน้ำก่อนที่จะเข้าเขตวัง เวียง ภูเขาสวยๆ มีโผล่มาให้เห็นเยอะขึ้นจนมาถึงแยกพูคูน ทางสามแยกด้านซ้ายไปหลวงพระบางทางขวาไปโพนสะหวัน รถบัสเลี้ยวซ้ายแล้วมุ่งหน้าลัดเลี้ยวซ้ายทีขวาที จนมีเสียงบ่นว่าเมื่อไหร่จะถึงเพราะมันเรื่มเย็นลงแล้ว

ห้าโมงเย็นกว่าๆ รถบัสก็เลี้ยวเข้าสถานีเยื้องๆ กับเธคดาวฟ้าบันเทิงของหลวงพระบาง กว่าจะต่อรองราคารถไปส่งที่เรือนพักได้เล่นเอาน้ำลายเกือบแห้ง ทำไมเดี๋ยวนี้ ค่ารถมันแพงนัก......เอื้อยออกมาต้อนรับดังเช่นทุกครั้ง เสียงทักยังดังเสนาะหู สะบายดิบ่เจ้า แล้วคนอื่นๆ บ่ได้มาเจ้า เรือนพักไม้เรือนเก่ายังอยู่แต่ดูเหมือนจะเล็กไปและไม่เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวที่มามากมาย จนต้องสร้างเรือนพักตึกหลังใหม่อีกราคาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สี่ร้อยบาทต่อห้อง

สี่หนุ่มยังไม่เหนื่อยแต่อยากออกไปเดินดูด้วยอารมณ์ตื่นเต้นมากกว่า ตลาดกลางคืนที่เกิดจากน้ำมือคนไทยเพื่อขายคนไทยด้วยกันเป็นที่ๆ ไม่ต้องคิดเพราะมีทุกอย่างไม่ว่าจะของฝากหรืออาหาร ผมรีบพาไปยังร้านประจำเพื่อนำเสนอแหนมข้าว แหนมเหลือง อีกทั้งเป็นของโปรดของผมด้วย ฟาดไปซะคนละสามอัน พาเดินตลาดสักพักเลยพาขึ้นยอดพูสีที่มีแสงไฟสาดส่องสวยงาม และลัดลงมาด้านหลังเพื่อกลับที่พัก คืนแรกในหลวงพระบางอากาศเย็นสบายจริงๆ


เช้าขึ้นมาพวกเราตั้งใจไปใส่บาตร แต่รู้สึกว่าพระบางตาลงกว่าเมื่อก่อนมากแม้ว่าผมจะพาไปดักใส่บนเส้นทางที่มี หลายวัดแล้วก็ตาม สี่หนุ่มไปโผล่แถวๆ ตาดกวางสี หรือน้ำตกกวางสี เอาเกือบเที่ยงวันเดินขึ้นชั้นบนสุดแล้วลงมาดูเสือในกรง ที่คนลาวเชื่อว่าเป็นที่มาของสาเหตุที่น้ำตกถล่มเมื่อห้าปีก่อน ถ้าไม่ถล่มก็เป็นน้ำตกที่สวยงามมากๆ แห่งหนึ่งของลาวเลยทีเดียว ตอนบ่ายพวกเรามุ่งหน้าไปลงเรือข้ามฟากไปถ้ำติ่ง ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คนลาวนับถือมาก และภายในถ้ำยังเก็บพระต่างๆ มากมาย ที่สุดท้ายพวกเราแวะ
บ้านสร้างไห้ หมู่บ้านต้มเหล้าชื่อดังโดยเฉพาะสาโทข้าวก่ำ ที่ผมต้องซื้อติดมือกลับมาทุกครั้งไป

ร้านอาหารตรงสี่แยกตลาดดาราเป็นร้านที่พวกเราเลือก เนื่องจากไม่ไกลจากที่พักมากนักและรสชาติใช้ได้ นั่งกินไปมองตลาดดาราที่ยามนี้ปิดตัวลงซ่อมแซม ลูกชายเจ้าของร้านดูท่าจะติดใจสี่หนุ่มเอามากๆ เพราะจะคอยมานั่งคุยด้วย โดยเฉพาะเรื่องศัพท์แปลกๆ ที่บรรดาไทยรุ่นได้บัญญัติกันขึ้น อ้าย...กิ๊กหมายถึงอะไร แรกได้ยินผมแถมจะสำลักออกมา สี่หนุ่มมองหน้ากันเลิกลั่กโดยมีหนุ่มหนึ่งเป็นผู้ตอบ.....

วันรุ่งขึ้นพวกเราหาเช่าจักรยานได้คนละคันเพื่อตะเวนเก็บวัดต่างๆ ไม่ว่าจะวัดใหม่ วัดใหญ่ วัดวิชุน วัดอาราม วัดทาดหลวง แต่ละวัดมีวางของขายกัน โดยเฉพาะตุ๊กตาจีนผมเห็นเป็นต้องมีทุกที่เลย แปลกดีนะ ตอนเย็นไม่ลืมแวะไปที่วัดเชียงทองเพื่อดูภาพกระจกสีอันสวยงามจากฝีมือชาวนา สมัยก่อน ดังนั้นมื้อเย็นก็เลยแวะกินกันแถวริมน้ำโขงแต่ก็ยังมาแวะกินขนมหรือกาแฟที่ร้อนเด็กช่างถาม แบบว่าติดใจน้องเขาเหมือนกัน ตลกดี

เช้าก่อนออกจากหลวงพระบางแวะไปเยี่ยมร้านขายผ้าที่คุ้นเคยกัน และอีกหลายที่ คนที่นี่จำแม่นดีจริงๆ อาจเพราะเมื่อก่อนไม่ค่อยจะมีคนมามากมั้ง แต่เดี๋ยวนี้คงจำกันไม่ไหวแล้ว แต่ทุกคนก็รู้เรื่องราวความเป็นไปในไทยตลอดเพราะรับทีวีไทยได้ หลายครั้งผมเห็นรายการในทีวีนำเสนอเรื่องราวดูถูกคนลาวเอามากๆ จนอดนึกเสียวว่า ถ้ากลับเข้าไปแล้วคนลาวจะตีหัวเอาไหม....

1 comment:

dearpor said...

เวปดูคลาสสิค น่ารักดีนะ เพลินดี ตรงภาษาไทยขอตัวใหญ่ๆหน่อยได้ป่าวอ่ะ จะได้อ่านแล้วได้อารมณ์เหมือนไปเที่ยวด้วยเลยไง