เขาสูงเสียดฟ้า สีคราม เบิ่งแลทุกยาม ใต้แสงเพลินใจ แดนลำน้ำซอง สองเฮาเคียงคู่...................."
บทเพลงที่หนุ่มลาวคนหนึ่งพร่ำเพ้อรำพันถึงสาววังเวียงอันเป็นที่รัก ยามที่ตนเองอยู่ไกลจากวังเวียงเพื่อไปรับใช้ชาติไปเป็นทหาร เนื้อเพลงบรรยายความสวย ความหวาน ของสาววังเวียงและเมืองวังเวียงออกมาได้ลึกซึ้งทีเดียว ผมยังจำได้เมื่อไปเยือนวังเวียงครั้งแรก คนขับรถ Jumbo หรือรถตุ๊กคันโตร้องเพลงนี้ให้ฟังพร้อมกับแล่นผ่านยอดเขาสลับซับซ้อนกันหลายมิติและหลายสี จนผมมองเพลินเกือบลืมถ่ายภาพเลยทีเดียว
วังเวียงเป็นเมืองเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างขุนเขาและระหว่างทางจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง หรือจากหลวงพระบางกลับมาเวียงจันทน์ที่หลายคนเลยผ่านไปโดยไม่แยแส และมีหลายคนที่เคยเปรียบเปรยวังเวียงว่าเป็น กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว เนื่องจากทิวทัศน์ของขุนเขาสูงสลับซับซ้อนและถ้ำน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่มาก มาย ยามเช้าผู้คนส่วนใหญ่จะเดินกันขวักไขวเลือกซื้อของสดที่แม่ค้าบางคนวาง สินค้าแบกับดิน มีทั้งปลาและผักสดที่นำมาขายล้วนเป็นผลผลิตมาจากแม่น้ำซองที่ไหลผ่านและหล่อ เลี้ยงทุกชีวิตที่ไม่เคยแห้งเหือด ตลาดเล็กๆ แห่งนี้ จึงกลายเป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์ที่แตกต่างจากที่อื่นๆ
เวลา เกือบสิบปีผ่านพ้นไป ย่อมต้องมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปบ้าง ภาพชีวิตริมลำน้ำซองของคนวังเวียงยังมีให้พบเห็นอยู่บ้าง ความสงบเงียบยามค่ำคืนที่เคยมีก็เริ่มถูกแทนที่ด้วย เทค ผับ และบาร์ ที่เริ่มขึ้นตามริมน้ำและตามถนนหนทาง แขกขายโรตีก็มีให้พบมากขึ้น รวมทั้ง Guesthouse มาก มายถูกสร้างมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัวจนเริ่มบดบังทัศนียภาพริมแม่น้ำ การล่องห่วงยาง พายเรือแคนนูหรือคายัค หรือแม้แต่การปีนหน้าผา ถูกเพิ่มเข้าไปในโปรแกรมทัวร์นอกเหนือจากการเยี่ยมเยือนถ้ำต่างๆ ล้วน เป็นกิจกรรมใหม่ที่กลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวในปัจจุบันแทน วันนี้ตลาดที่เคยมีให้เดินเล่นยามเช้าก็ได้ย้ายห่างออกไปจากเมืองเกือบ 2 หลัก หรือ 2 กิโลเมตร ที่พักราคาถูกแสนถูก 50 บาท ไม่มีอีกแล้ว ราคาส่วนใหญ่ร้อยกว่าบาทขึ้นไป
แต่น่ายินดีที่สายน้ำซองที่ใสสะอาดยังไหลอยู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไหลลอดสะพานไม้ไผ่ที่ผู้คนใช้ข้ามสัญจรไป – มา นั่งริมน้ำมองภาพทิวเขาที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในช่วงวันสุดแสนงดงามและมหัศจรรย์ ที่ติดตรึงอยู่ในใจของผู้คนที่ได้มาเยือนมิรู้ลืม….วังเวียงแดนงาม
No comments:
Post a Comment